Friday, June 21, 2013

ใครได้ใครเสียหากปตท.เซ็นสัญญาซื้อหนี้ (เสีย) บริษัทพลังงาน Mercuria?


ตามที่เราเน้นย้ำในบล๊อคนี้ว่ามีการรายงานอย่างกว้างขวางว่าปตท.พยายามจะซื้อหุ้นจำนวนมากของบริษัทพลังงานที่ใกล้จะล้มละลายอย่างบริษัท Mercuria และหากปตท.ซื้อหุ้นเหล่านั้น จะส่งผลให้คนไทยผู้เสียภาษีต้องแบกภาระหนี้ของบริษัท Mercuria หลายพันล้านดอลล่าสหรัฐ ในขณะที่บริษัท Mercuria จะกลายมาเป็นผู้จัดหาน้ำมันในประเทศไทยแต่เพียงผู้เดียวเกือบทั้งหมด การผูกขาดเช่นนี้จะทำให้ราคาน้ำมันเพิ่มสูงขึ้นสำหรับคนไทยทั่วไป และจะสร้างปัญหาเงินเฟ้อ นั้นหมายความว่าราคาอาหารจะเพิ่มสูงขึ้นด้วย


บริษัท Mercuria เป็นเจ้าหนี้บริษัทไนจีเรียหลายพันล้านบาท แต่หนังสือพิมพ์ไนจีเรียรายงานได้ระบุว่าบริษัทผู้ค้า Mercuria “ขาดความชำนาญในธุรกิจค้าน้ำมันดิบ” และ “การเตรียมการนี้ [ในการขายผ่านทางผู้ค้าเหล่านี้] เต็มไปด้วยอุปสรรคทางราชการและเปิดโอกาสให้ใช้ดุลพินิจ ความเสียเปล่าและการกัดกร่อนของมูลค่าส่งผลให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่เหล่าต่อรายได้ของรัฐบาลไนจีเรีย
นอกจากนี้ รายงานของรัฐบาลไนจีเรียชื่อว่า “Report of the Petroleum Revenue Special Task Force” ระบุว่าบริษัท Mercuria เป็นหนึ่งในบริษัท “ที่ไม่มีสัญญาที่เป็นทางการ” ที่เป็นเจ้าหนี้ไนจีเรีย แล้วเช่นนั้นบริษัท Mercuria ได้รับการจ่ายหนี้คืนได้อย่างไรหากบริษัทไม่มีแม้แต่สัญญาที่เป็นทางการซึ่งยอมรับโดยรัฐบาลไนจีเรีย? ปตท.จะใช้ภาษีของคนไทยเพื่อซื้อหนี้บริษัท Mercuria ซึ่งไม่ทางที่จะถูกจ่ายคืน?
เพื่อแสวงหาผลประโยชน์ในการคอรัปชั่นที่ฉ่าวโฉ่ในไนจีเรียนี้ บริษัท Mercuriaจ้าง นาย Kola Abiola ซึ่งเป็นลูกชายของหนึ่งในนักการเมืองที่มีชื่อเสียงของไนจีเรีย ซึ่งได้รับสมญานามจากสื่อไนจีเรียว่า “มาเฟียใหญ่” นาย Abiola ไม่ใช่คนที่เราจะมองข้ามได้ ในกรณีนี้บริษัท Mercuria ควรต้องถูกตัดสินจากผู้ที่พวกเขาคบค้าสมาคมด้วย
แล้วเหตุใดพนักงานของปตท.อย่างนายดำรง พิณภูวดลถึงกระตือรือล้นที่จะแบกรับภาระหนี้สินของบริษัท Mercuria และทำงานร่วมกับบริษัทที่มีชื่อเสียงน้อยกว่าบริษัทอื่นนักหนา ชัดเจนว่านายดำรงมีรถหรูปอร์เช่คนใหม่ขับ ในขณะที่รมต.พลังงาน นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาลกำลังจะเกษียณอายุอย่างมหาเศรษฐีในปลายปี 2556 นี้ คำถามคือ พวกเขาได้รับประโยชน์จากข้อตกลงบริษัท Mercuria นี้หรือไม่? แต่ที่แน่นอนคือคนไทยทั่วไปไม่รับประโยชน์จากข้อตกนี้เลย

No comments:

Post a Comment